Tag: เรียนดนตรี

ก่อนที่เราจะไปรู้จักการซ้อมที่ถูกวิธี ครูอยากให้เรามาทำความรู้จักกับคำ 2 คำนี้ก่อนคะ ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร

🎹 การเล่น ในที่นี้ หมายถึง การเล่นจริง เช่น การเล่นแสดง การเล่นเพื่อสอบ การเล่นให้พ่อแม่ หรือเพื่อนๆ ฟัง การเล่นให้ครูฟังว่าเพลงนี้ควรจะผ่านหรือยัง การเล่นจริง คือ การที่เราเล่นเพลงตั้งแต่ต้นจนจบ โดยพยายามไม่ให้มีข้อผิดพลาด หรือหากสุดวิสัยเกิดการเล่นผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ ไม่มีการมาเอาใหม่ๆ มีแต่การพยายามประคับประคองเพลงให้ไปต่อได้จนจบ นี่คือความหมายของการเล่น

🎹 การซ้อม หมายถึง การเตรียมตัวเพื่อการเล่น การซ้อมไม่จำเป็นต้องเล่นตั้งแต่ต้นจนจบ เราอาจซ้อมแค่บางส่วน เรามีการเล่นซ้ำไป ซ้ำมาเพื่อให้คล่อง โดยเฉพาะตรงที่เราชอบเล่นผิดหรือยังเล่นไม่คล่อง เราอาจเล่นช้าหรือเร็วกว่าความเร็วจริงบ้าง รวมไปถึงการลองเล่นทั้งเพลงเพื่อเช็กว่าเราเล่นได้หรือยัง เราพร้อมสำหรับการเล่นเพลงนี้หรือยังก็ได้ด้วย ตราบใดที่เรายังไม่เล่นจริง เราก็ยังถือว่าเป็นการซ้อม

👉 ดังนั้น ก่อนที่เราจะแตะเปียโนแต่ละครั้ง ให้เรารู้ตัวก่อนว่า เรากำลังจะ “ซ้อม” หรือกำลังจะ “เล่น” เพราะสำคัญมากนะคะ และควรฝึกให้เป็นนิสัยด้วยว่าการซ้อมกับการเล่นนั้นต่างกัน เพราะบางคนจะรู้จักแต่การซ้อม พอเล่นจริงไม่สามารถเล่นได้ เมื่อเล่นผิดก็ไปไม่ถูกเลย ซึ่งทำให้การเล่นนั้นเป็นการเล่นที่ไม่ดีหรือถึงขนาดเป็นการเล่นที่ไปไม่รอดได้เลยคะ

Credit.. piano oh yes

👉👉 ได้รอบเดียวอย่าเพิ่งดีใจ 👈👈

เวลาที่เราซ้อม ตอนแรกๆ ส่วนใหญ่เราจะยังเล่นไม่ค่อยได้หรือเล่นไม่ค่อยถูก ตะกุกตะกัก ไม่ต่อเนื่อง จนเมื่อเราเล่นได้เป็นรอบแรก เราจะดีใจว่าเราเล่นได้แล้ว แล้วเราก็เลิกซ้อม

แต่!! ในความเป็นจริงแล้ว การที่เราเพิ่งเล่นได้นั้นยังไม่ถือว่าเราเล่นได้จริงๆ เพราะถ้าเราลองเล่นอีกหลายๆ รอบ จะพบว่าเราเล่นได้ไม่ทุกครั้ง เหมือนเวลาที่นักเรียนเล่นให้ฟังแล้วเล่นไม่ได้ มักจะพูดว่า ที่บ้านยังเล่นได้อยู่เลย แต่ถ้าซักจริงๆ แล้ว จะพบว่าเป็นการเพิ่งเล่นได้มากกว่า

การจะวัดว่าเราเล่นเพลงนี้ได้หรือยัง แนะนำให้ลองเล่น (เล่นนะคะ ไม่ใช่ซ้อม) ทั้งหมด 10 รอบ แล้วนับว่าเราเล่นได้กี่รอบ ซึ่งต้องซื่อสัตย์กับตัวเองนิดนึงนะคะว่า การจะบอกว่ารอบนี้เล่นได้หรือไม่ได้ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ให้คิดแบบตรงไปตรงมา การจะบอกว่าเราเล่นเพลงนี้ได้แล้ว เราต้องเล่นได้อย่างน้อย 6 รอบใน 10 รอบค่ะ เหมือนกับได้ 6 คะแนนจาก 10 คะแนนนั่นเอง ซึ่งถือว่าผ่าน แต่ถ้าได้มากกว่านั้นก็จะดีมาก เช่น 8 รอบจาก 10 รอบ ก็จะถือว่าเราเล่นได้คล่องแล้วคะ แต่ถ้าในบางกรณีที่เราซีเรียสมาก เช่น ในการสอบเกรด สอบเข้า หรือแข่งขัน เป็นต้น อาจต้องเล่นให้ได้ถึง 10 ใน 10 รอบเลยคะ เรียกกันว่า พลาดไม่ได้เลยกันเลยทีเดียว

Credit.. pianoohyes

🌟🌟🌟ไอเดียของเปียโนลึกๆ แล้วมาจากขิม!!! 

ย่อ…

สมัยก่อนมีเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดก่อนหน้าที่จะกำเนิดเปียโนนะคะ หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของมันแล้วก็ได้ค่ะ นั่นคือ Clavichord (คลาวิคอร์ด) และ Harpsichord (ฮาร์พซิคอร์ด) เครื่องดนตรีเหล่านี้ถูกพัฒนามาจากเครื่องดนตรีประเภทฮาร์พ สายที่ถูกขึงจะถูกดีดหรือเกี่ยวให้เกิดเสียงเช่นเดียวกับฮาร์พ แต่ว่ามีผู้คิดค้นใส่คีย์บอร์ดให้กับมันลงไปด้วยเลยเกิดเจ้า Clavichord และ Harpsichord อย่างที่เห็นในรูป

เมื่อเครื่องดนตรีอย่างฮาร์พใส่คีย์บอร์ดให้กับมันก็เล่นเป็นเพลงได้ งั้นเราก็ประยุกต์จับขิมมาติดคีย์บอร์ดบ้างดีกว่า … ชายผู้คิดค้นก็คือ Bartolomeo Cristofori

ประวัติความเป็นมาของเปียโน แบบที่เรียกว่า “fortepiano”

ในการซ้อม เป้าหมายของเราคือการเล่นเพลงให้ได้ทั้งเพลง หรืออาจจะหลายๆ เพลง แต่บ่อยครั้งที่การเล่นทั้งเพลงจะยาวเกินไปสำหรับการซ้อมเพื่อพัฒนาให้เราเล่นคล่องขึ้น

ดังนั้น เราต้องรู้จักการแบ่งส่วนซ้อม ในส่วนที่ง่ายๆ อาจจะซ้อมยาวหน่อยได้ อาจจะเป็นท่อน เป็นหน้า เป็นต้น

แต่ในส่วนที่ยากๆ เราอาจต้องซ้อมกันเป็นจุดๆ เลยทีเดียว แต่ในการซ้อมแต่ละครั้ง ครูแนะนำให้ซ้อมอย่างน้อยเป็นท่อนคะ เพราะการซ้อมเป็นจุดๆ ดูจะน้อยเกินไปที่เราจะเข้าใจว่าไอ้ที่เราซ้อมไปคืออะไรของเพลง เพราะส่วนที่ย่อยที่สุดของเพลง คือ ท่อน ดังนั้นในแต่ละครั้งของการซ้อมจึงควรซ้อมเป็นเฟส อย่างน้อยที่สุด 1 ท่อนคะ

ทั้งนี้ ความยาวในการซ้อมขึ้นกับความสามารถของแต่ละคนด้วย*** บางคนอาจซ้อมยาวเป็นหน้าได้ โดยที่ยังมีความก้าวหน้าในการซ้อม ในขณะที่บางคนอาจต้องซ้อมทีละเฟส ทีละเฟส

ดังนั้น ควรซ้อมยาวแค่ไหน? ครูจึงแนะนำให้สังเกตที่ตัวเราเองคะว่า เราซ้อมยาวเท่านี้แล้วเรามีการพัฒนาขึ้นมั๊ย เราเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ ถ้าใช่เราก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ เราควรแบ่งซ้อมในสั้นลง แล้วสังเกตว่าการซ้อมยาวแค่ไหนที่เรามีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ คะ^^

Credit .. piano oh yes

 

การซ้อมเทคนิคมีความจำเป็นมากไม่แพ้การซ้อมเพลง 

เราควรซ้อมเทคนิคควบคู่ไปด้วยกับการซ้อมเพลง ถึงแม้บางคนอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่มันจำเป็นหากเราต้องการเล่นเปียโนได้อย่างจริงจัง

เทคนิคมีมากมายหลายอย่าง ซ้อมกันทั้งชาติก็ยังไม่หมดแต่มีเทคนิคที่พื้นฐานสุดๆ และจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราควรฝึกให้คล่อง คือ สเกล กับ อาเพกจิโอ้ (scale and arpeggio) เพราะเป็นพื้นฐานในเรื่องคีย์ของเพลง และเป็นส่วนประกอบอยู่ในเพลงจำนวนมาก

ซึ่งเรียกได้ว่า “ซ้อมแล้วคุ้ม”
ถ้าเป็นไปได้ เราควรจัดเวลาเพื่อซ้อมเทคนิคอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ในกรณีที่ไม่สามารถทำได้ ครูไม่แนะนำให้ทิ้งการฝึกเทคนิคไปเลย แต่แนะนำให้ฝึกเทคนิคที่เราจำเป็นต้องใช้ก่อน โดยในเพลงแต่ละเพลง มักจะมีเทคนิคที่ต้องใช้ในการเล่นเพลงนั้นอยู่ เช่น การกดคู่แปด (Octave) การไล่สเกลแบบคู่สาม (scale in third) เป็นต้น

ซึ่งเราควรจะหาเทคนิคนั้นมาฝึกไปพร้อมๆ กับการซ้อมเพลง ก็จะช่วยให้เราได้เทคนิคด้วยและช่วยในการซ้อมเพลงไปด้วย แบบว่า win win

Credit … piano oh yes

 

เสียงดนตรีเป็นเสียงที่ดำเนินไปตามเวลา การบรรเลงเปียโนก็เช่นเดียวกัน เราต้องการความลื่นไหลของเพลง ไม่ใช่ตะกุกตะกัก ติดๆ ขัดๆ

และยิ่งไปกว่านั้น เราต้องการความไพเราะ ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการควบคุมเปียโนให้ได้

เสียงไพเราะอย่างที่เราต้องการจะทำเช่นนั้นได้ต้องมีทักษะ และการที่จะพัฒนาทักษะได้ ต้องมีการฝึกฝน โดยการทำซ้ำๆ หลายๆ รอบจนเกิดความเชี่ยวชาญและชำนาญ

การเข้าใจเป็นเรื่องหนึ่ง การเล่นคล่องและเล่นให้เพราะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราอาจจะเข้าใจเพลงหนึ่งๆ ว่า จังหวะเป็นอย่างไร ทำนองเป็นอย่างไร และรู้ด้วยว่าต้องเล่นอย่างไร แต่เราอาจจะยังเล่นไม่ได้ เพราะเราเข้าใจ …แต่ยังไม่มีทักษะ ยังไม่ได้ฝึกฝน เราต้องซ้อมหลายๆ รอบเพื่อให้เล่นได้ ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและความตั้งใจ

ดังนั้นเมื่อถามว่าทำไมต้องซ้อมเปียโน ไม่ซ้อมไม่ได้เหรอ? ครูก็อยากให้ลองสังเกตตัวเราเองคะ หลังจากที่เราได้เรียนบทเรียนจนเข้าใจแล้ว หลังจากรู้แล้วว่าเราต้องทำอย่างไร รู้แล้วว่าเพลงมันควรจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วเราเล่นได้อย่างที่ต้องการหรือยัง? ถ้าคำตอบคือไม่ เราจึงต้องซ้อมคะ เพื่อให้เล่นได้คล่องและเพราะอย่างที่เราต้องการ เหมือนสุภาษิตที่ว่า Practice makes perfect.

Credit .. piano oh yes